ตลอดสองวันที่ผ่านมา หุ้นสหรัฐฯ และหุ้นทั่วโลกดีดกลับมาอย่างน่าตกใจ โดย Dow Jones Industrial Average บวก 16.4% ตั้งแต่วันจันทร์ ซึ่งมากกว่าสองเท่าของค่าเฉลี่ยผลตอบแทนรายปีของดัชนีตั้งแต่ปี 1921

การกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเกิดจากการเจรจาเรื่องโครงการ $2 ล้านล้านของวุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อบรรเทาผลกระทบที่ไวรัสมีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยโครงการได้ผ่านการอนุมัติในช่วงบ่ายวันพุธและผ่านสภาในช่วงกลางคืน

หุ้นสหรัฐฯ กลับมาบวกรายวันอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ เมื่อดัชนีใกล้จุดสูงสุด ขณะที่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจถือเป็นสัญญาณบวกสำหรับสินทรัพย์เสี่ยงและเป็นที่ชื่นชอบของหลายๆ คน แต่นักลงทุนจำเป็นต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวัง

หลัง Lehman Brother ล้มละลายในวันที่ 15 กันยายน 2008 หุ้นสหรัฐฯ มีความเคลื่อนไหวเช่นเดียวกันหลังจากปรับตัวลงแรง ในวันที่ 10 ตุลาคมของปีเดียวกัน Dow Jones Industrial Average วิ่งจากจุดต่ำสุดที่ 7,882 ไปทำจุดสูงสุดที่ 9,794 ในสองวัน ซึ่งเป็นการฟื้นตัว 24% หลังการปรับตัวลดลง 31% ตั้งแต่ 15 กันยายน อย่างไรก็ตาม ดัชนีต้องใช้เวลาในการเทรดอีก 98 วันจึงทำจุดต่ำสุดที่ 6,469 แล้วตลาดกระทิงที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ก็เกิดขึ้น

โครงการ $2 ล้านล้านบวกกับแผนการกระตุ้นแบบไม่จำกัดของ Fed และการที่ ECB ดำเนินการประกาศครั้งประวัติศาสตร์ในช่วงกลางคืนว่าโครงการ QE ไม่มีขีดจำกัดจะช่วยผ่อนคลายสภาวะทางการเงินได้โดยไม่ต้องสงสัยในตอนนี้และช่วยป้องกันวิกฤติสินเชื่อ ซึ่งอาจทำให้สินทรัพย์ต่างๆ เกิดความผันผวนน้อยลง แต่ประวัติศาสตร์บอกเราว่านี่อาจเป็นการสร้างความผ่อนคลายในระยะสั้นเท่านั้น

การทดสอบที่สำคัญที่สุดของวันนี้น่าจะอยู่ที่เวลา 12:30 GMT หลังการประกาศตัวเลขจำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานเป็นครั้งแรกรายสัปดาห์ การคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์แตกต่างกันอย่างมาก โดยบางส่วนคาดว่าจะมีการยื่นใหม่อีกสี่ล้าน ซึ่งอาจเป็นยอดที่สูงสุดเป็นประวัติการ เราคาดว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของช่วงที่จะมีข้อมูลเศรษฐกิจเลวร้ายซึ่งจะตามมาอีกหลายสัปดาห์ เราอาจได้เห็นการเทขายหุ้นอย่างหนักซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าตัวเลขจะออกมาแย่เพียงใด

ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าตลาดยังไม่รับรู้ข่าวร้ายทั้งหมดและการปรับตัวบวกครั้งล่าสุดของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่สมเหตุสมผลโดยหุ้นที่บวกมากที่สุดเป็นหุ้นที่แย่ที่สุด ซึ่งเป็นสัญญาณของพฤติกรรมที่ไม่มีเหตุผลและไม่ใช่การเลือกหุ้นที่ฉลาดนัก ข้อมูลเศรษฐกิจที่จะออกมาในสองสัปดาห์ข้างหน้าจะเริ่มต้นสะท้อนถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจอันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส นักลงทุนจึงต้องประเมินผลกระทบที่มีต่อรายรับของบริษัท

ดังนั้น จนกว่าเราจะประเมินความเสียหายที่มีต่อเศรษฐกิจและรายรับได้อย่างชัดเจน ก็เป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจในการลงทุนอย่างมีเหตุผล ความชัดเจนของเวลาที่การระบาดครั้งนี้จะอยู่ในจุดสูงสุดและสิ้นสุดลงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

 

 

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน